ทรัพยากรป่าไม้
อย่าง ป่า ไม้ เป็น ทรัพยากร ธรรม ชาติ ที่ มี ความ สำคัญ อย่าง ยิ่ง ต่อ สิ่ง มี ชีวิต ไม่ ว่า จะ เป็น มนุษย์ หรือ สัตว์ อื่น
ๆ เพราะ ป่า ไม้ มี ประ โยชน์ ทั้ง การ เป็น แหล่ง วัตถุ ดิบ ของ ปัจจัย สี่
คือ อาหาร
เครื่องนุ่ง ห่ม ที่ อยู่ อาศัย และ ยา รักษา โรค สำหรับ มนุษย์
และ ยัง มี ประ โยชน์ ใน การ รักษา สมดุล ของ สิ่ง แวด ล้อม
ถ้า ป่า ไม้ ถูก ทำลาย ลง ไป มาก ๆ
ย่อม ส่ง ผล กระ ทบ ต่อ สภาพ แวด ล้อม ที่ เกี่ยว ข้อง อื่น
ๆ เช่น สัตว์ ป่า
ดิน น้ำ
อากาศ ฯลฯ เมื่อ ป่า ไม้ ถูก ทำลาย
จะ ส่ง ผล ไป ถึง ดิน และ แหล่ง น้ำ ด้วย
เพราะ เมื่อ เผา หรือ ถาง ป่า ไป แล้ว
พื้น ดิน จะ โล่ง ขาด พืช ปก คลุม
เมื่อ ฝน ตก ลง มา ก็ จะ ชะ ล้าง หน้า ดิน และ ความ อุดม สมบูรณ์ ของ ดิน ไป
นอก จาก นั้น เมื่อ ขาด ต้น ไม้ คอย ดูด ซับ น้ำ ไว้ น้ำ ก็ จะ ไหล บ่า ท่วม บ้าน เรือน
และ ที่ ลุ่ม ใน ฤดู น้ำ หลาก พอ ถึง ฤดู แล้ง ก็ ไม่ มี น้ำ ซึม ใต้ ดิน ไว้ หล่อ เลี้ยง ต้น น้ำ ลำ ธาร ทำ ให้ แม่ น้ำ มี น้ำ น้อย
ส่ง ผล กระ ทบ ต่อ มา ถึง ระบบ เศรษฐกิจ และ สังคม
เช่น การ ขาด แคลน น้ำ ใน การ การ ชลประทาน ทำ ให้ ทำ นา ไม่ ได้ ผล ขาด น้ำ มา ผลิต กระแส ไฟ ฟ้า
ประเภท ของ ป่า ไม้ ใน ประเทศ ไทย
ประเภท
1. ป่า
2. ป่า
ป่า ประเภท นี้ มอง ดู เขียว ชอุ่ม ตลอด ปี
เนื่อง จาก ต้น ไม้ แทบ ทั้ง หมด ที่ ขึ้น อยู่ เป็น ประเภท ที่ ไม่ ผลัด ใบ
ป่า ชนิด สำคัญ ซึ่ง จัด อยู่ ใน ประเภท นี้ ได้ แก่
1. ป่า ดง ดิบ
(Tropical Evergreen Forest
or Rain Forest)
ป่า ดง ดิบ ที่ มี อยู่ ทั่ว ใน ทุก ภาค ของ ประเทศ
แต่ ที่ มี มาก ที่ สุด ได้ แก่
ภาค ใต้ และ ภาค ตะวัน ออก
ใน บริเวณ นี้ มี ฝน ตก มาก และ มี ความ ชื้น มาก ใน ท้อง ที่ ภาค อื่น
ป่า ดง ดิบ มัก กระจาย อยู่ บริเวณ ที่ มี ความ ชุ่ม ชื้น มาก
ๆ เช่น ตาม หุบ เขา ริม แม่ น้ำ ลำ ธาร
ห้วย แหล่ง น้ำ และ บน ภู เขา
ซึ่ง สามารถ แยก ออก เป็น ป่า ดง ดิบ ชนิด ต่าง
ๆ ดัง นี้
เป็น ป่า รก ทึบ มอง ดู เขียว ชอุ่ม ตลอด ปี มี พันธุ์ ไม้ หลาย ร้อย ชนิด ขึ้น เบียด เสียด กัน อยู่ มัก จะ พบ กระ จัด กระจาย ตั้ง แต่ ความ สูง 600 เมตร
จาก ระดับ น้ำ ทะเล ไม้ ที่ สำคัญ ก็ คือ ไม้ ตระกูล ยาง ต่าง ๆ
เช่น ยาง นา
ยาง เสียน ส่วน ไม้ ชั้น รอง คือ พวก ไม้ กอ
เช่น กอ น้ำ
กอ เดือย
เป็น
1.3 ป่า
ป่า
2. ป่า
ป่า สน เขา มัก ปรากฎ อยู่ ตาม ภู เขา สูง ส่วน ใหญ่ เป็น พื้น ที่ ซึ่ง มี ความ สูง ประมาณ 200-1800 เมตร
ขึ้น ไป จาก ระดับ น้ำ ทะเล ใน ภาค เหนือ
ภาค กลาง และ ภาค ตะวัน ออก เฉียง เหนือ
บาง ที อาจ ปรากฎ ใน พื้น ที่ สูง
200-300 เมตร จาก ระดับ น้ำ ทะเล ใน ภาค ตะวัน ออก เฉียง ใต้
ป่า สน เขา มี ลักษณะ เป็น ป่า โปร่ง
ชนิด พันธุ์ ไม้ ที่ สำคัญ ของ ป่า ชนิด นี้ คือ
สน สอง ใบ และ สน สาม ใบ ส่วน ไม้ ชนิด อื่น ที่ ขึ้น อยู่ ด้วย ได้ แก่ พันธุ์ ไม้ ป่า ดิบ เขา
เช่น กอ ชนิด ต่าง ๆ
หรือ พันธุ์ ไม้ ป่า แดง บาง ชนิด คือ เต็ง
รัง เหียง
พลวง เป็น ต้น
บาง ที เรียก ว่า "ป่า เลน น้ำ เค็ม ”หรือป่าเลน มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นแต่ละชนิดมีรากค้ำยันและรากหายใจ ป่า ชนิด นี้ ปรากฎ อยู่ ตาม ที่ ดิน เลน ริม ทะเล หรือ บริเวณ ปาก น้ำ แม่ น้ำ ใหญ่ ๆ ซึ่ง มี น้ำ เค็ม ท่วม ถึง ใน พื้น ที่ ภาค ใต้ มี อยู่ ตาม ชาย ฝั่ง ทะเล ทั้ง สอง ด้าน
ตาม ชาย ทะเล ภาค ตะวัน ออก มี อยู่ ทุก จังหวัด แต่ ที่ มาก ที่ สุด คือ บริเวณปากน้ำเวฬุ อำเภอลุง
จังหวัด จันทบุรี
ป่า ชนิด นี้ มัก ปรากฎ ใน บริเวณ ที่ มี น้ำ จืด ท่วม มาก
ๆ ดิน ระบาย น้ำ ไม่ ดี ป่า พรุ ใน ภาค กลาง
มี ลักษณะ โปร่ง และ มี ต้น ไม้ ขึ้น อยู่ ห่าง
ๆ เช่น ครอ เทียน
สนุ่น จิก
โมกบ้าน หวาย น้ำ
หวาย โปร่ง ระ กำ
อ้อ และ แขม ใน ภาค ใต้ ป่า พรุ มี ขึ้น อยู่ ตาม บริเวณ ที่ มี น้ำ ขัง ตลอด ปี ดิน ป่า พรุ ที่ มี เนื้อ ที่ มาก ที่สุด อยู่ ใน บริเวณ จังหวัดนราธิวาสดิน เป็น พีท ซึ่ง เป็น ซาก พืช ผุ สลาย ทับ ถม กัน
เป็น เวลา นาน ป่า พรุ แบ่ง ออก ได้ 2
ลักษณะ คือ ตาม บริเวณ ซึ่ง เป็น พรุ น้ำ กร่อย ใกล้ ชาย ทะเล ต้น เสม็ด จะ ขึ้น อยู่ หนา แน่น พื้น ที่ มี ต้น กก ชน ิดต่าง
ๆ เรียก "ป่า พรุ เสม็ด หรือ ป่า เสม็ด " อีก ลักษณะ เป็น ป่า ที่ มี พันธุ์ ไม้ ต่าง ๆ มาก ชนิด ขึ้น ปะ ปน กัน
5. ป่า
เป็น ป่า โปร่ง ไม่ ผลัด ใบ ขึ้น อยู่ ตาม บริเวณ หาด ชาย ทะเล น้ำ ไม่ ท่วม ตาม ฝั่ง ดิน และ ชาย เขา ริม ทะเล
ต้น ไม้ สำคัญ ที่ ขึ้น อยู่ ตาม หาด ชาย ทะเล
ต้อง เป็น พืช ทน เค็ม และ มัก มี ลักษณะ ไม้ เป็น พุ่ม ลักษณะ ต้นคดงอ
ใบ หนา แข็ง ได้ แก่
สน ทะเล หูก วาง
โพธิ์ ทะเล กระทิง
ตีน เป็ด ทะเล หยี น้ำ
มัก มี ต้น เตย และ หญ้า ต่าง ๆ ขึ้น อยู่ เป็น ไม้ พื้น ล่าง
ตาม ฝั่ง ดิน และ ชาย เขา
มัก พบ ไม้ เกตลำ บิด มะ คา แต้ กระบอง เพชร
เสมา และ ไม้ หนาม ชนิด ต่าง ๆ เช่น ซิงซี่ หนาม หัน
กำจาย มะดัน ขอ
เป็น ต้น
ต้น ไม้ ที่ ขึ้น อยู่ ใน ป่า ประเภท นี้ เป็น จำพวก ผลัด ใบ แทบ ทั้ง สิ้น ใน ฤดู ฝน ป่า ประเภท นี้ จะ มอง ดู เขียว ชอุ่ม พอ ถึง ฤดู แล้ง ต้น ไม้
ส่วน ใหญ่ จะ พา กัน ผลัด ใบ ทำ ให้ ป่า มอง ดู โปร่ง ขึ้น
และ มัก จะ เกิด ไฟ ป่า เผา ไหม้ ใบ ไม้ และ ต้น ไม้ เล็ก
ๆ ป่า ชนิด สำคัญ ซึ่ง อยู่ ใน ประเภท นี้
ได้ แก่
1. ป่า เบญจ พรรณ
(Mixed Declduous Forest)
ป่า ผลัด ใบ ผสม หรือ ป่า เบญจ พรรณ มี ลักษณะ เป็น ป่า โปร่ง และ ยัง มี ไม้ ไผ่ ชนิด ต่าง
ๆ ขึ้น อยู่ กระ จัด กระจาย ทั่ว ไป พื้น ที่ ดิน มัก เป็น ดิน ร่วน ปน ทราย
ป่า เบญจ พรรณ ใน ภาค เหนือ มัก จะ มี ไม้ สัก ขึ้น ปะ ปน อยู่ ทั่ว ไป ครอบ คลุม ลง มา ถึง จังหวัด กาญจนบุรี
ใน ภาค กลาง ใน ภาค ตะวัน ออก เฉียง เหนือ และ ภาค ตะวัน ออก
มี ป่า เบญจ พรรณ น้อย มาก และ กระ จัด กระจาย
พันธุ์ ไม้ ชนิด สำคัญ ได้ แก่
สัก ประดู่ แดง
มะค่า โมง ตะ แบก
เสลา อ้อย ช้าง
ส้าน ยม
หอม ยม หิน
มะเกลือ สม พง
เก็ดดำ เก็ดแดง
ฯลฯ นอก จาก นี้ มี ไม้ ไผ่ ที่ สำคัญ
เช่น ไผ่ ป่า
ไผ่ บง ไผ่ ซาง
ไผ่ รวก ไผ่ ไร
เป็น ต้น
2. ป่า
หรือ ที่ เรียก กัน ว่า ป่า แดง ป่า แพะ
ป่า โคก ลักษณะ ทั่ว ไป เป็น ป่า โปร่ง
ตาม พื้น ป่า มัก จะ มีโจด
ต้น แปรง และ หญ้าเพ็ก พื้น ที่ แห้ง แล้ง ดิน ร่วน ปน ทราย
หรือ กรวด ลูก รัง
พบ อยู่ ทั่ว ไป ใน ที่ ราบ และ ที่ ภู เขา
ใน ภาค เหนือ ส่วน มาก ขึ้น อยู่ บน เขา ที่ มี ดิน ตื้น และ แห้ง แล้ง มาก ใน ภาค ตะวัน ออก เฉียง เหนือ
มี ป่า แดง หรือ ป่า เต็ง รัง นี้ มาก ที่ สุด
ตาม เนิน เขา หรือ ที่ ราบ ดิน ทราย ชนิด พันธุ์ ไม้ ที่ สำคัญ ใน ป่า แดง
หรือ ป่า เต็ง รัง ได้ แก่
เต็ง รัง
เหียง พลวง
กราด พะ ยอม
ติ้ว แต้ว มะค่าแต ประดู่
แดง สมอ ไทย
ตะ แบก เลือด แสลง ใจ
รก ฟ้า ฯลฯ
ส่วน ไม้ พื้น ล่าง ที่ พบ มาก
ได้ แก่ มะพร้าว เต่า
ปุ่ม แป้ง หญ้าเพ็ก
โจด ปรง และ หญ้า ชนิด อื่น ๆ
ป่า หญ้า ที่ อยู่ ทุก ภาค บริเวณ ป่า ที่ ถูก แผ้ว ถาง ทำลาย บริเวณ พื้น ดิน ที่ ขาด ความ สมบูรณ์ และ ถูก ทอด ทิ้ง หญ้า ชนิด ต่าง
ๆ จึง เกิด ขึ้น ทด แทน และ พอ ถึง หน้า แล้ง ก็ เกิด ไฟ ไหม้ ทำ ให้ ต้น ไม้ บริเวณ ข้าง เคียง ล้ม ตาย
พื้น ที่ ป่า หญ้า จึง ขยาย มาก ขึ้น ทุก ปี
พืช ที่ พบ มาก ที่ สุด ใน ป่า หญ้า ก็ คือ
หญ้า คา หญ้า ขน ตา ช้าง
หญ้า โขมง หญ้าเพ็กและ ปุ่ม แป้ง
บริเวณ ที่ พอ จะ มี ความชื้นอยู่ บ้าง และ การระบายน้าได้ ดี ก็ มักจะ พบพงและแขมขึ้นอยู่
และ อาจพบต้นไม้ ทนไฟขึ้นอยู่ เช่น
ตับเต่า รกฟ้าตานเหลือ ติ้วและแต้ว
ประ โยชน์ ทางตรง (Direct Benefits)
ได้ แก่
ปัจจัย 4 ประการ
1.
ป่า ไม้ เป็น เป็น แหล่ง กำเนิด ต้น น้ำ ลำ ธาร เพราะ ต้น ไม้ จำนวน มาก ใน ป่า จะ ทำ ให้ น้ำ ฝน ที่ ตก ลง มา ค่อย
ๆ ซึมซับลงในดินกลาย เป็น น้ำ ใต้ ดิน ซึ่ง จะ ไหล ซึม มา หล่อ เลี้ยง ให้ แม่ น้ำ ลำ ธาร มี น้ำ ไหล อยู่ ตลอด ปี
สาเหตุ สำคัญ ของ วิกฤต การณ์ ป่า ไม้ ใน ประเทศ ไทย
1.การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า
ตัว การ ของ ปัญหา นี้ คือ นาย ทุน พ่อ ค้า ไม้
เจ้า ของ โรง เลื่อย เจ้า ของ โรง งาน แปรรูป ไม้ ผู้ รับ สัมปทานทำ ไม้ และ ชาว บ้าน ทั่ว ไป
ซึ่ง การ ตัด ไม้ เพื่อ เอา ประ โยชน์ จาก เนื้อ ไม้ ทั้ง วิธี ที่ ถูก และ ผิด กฎหมาย
ปริมาณ ป่า ไม้ ที่ ถูก ทำลาย นี้ นับ วัน จะ เพิ่ม ขึ้น เรื่อย
ๆ ตาม อัตรา เพิ่ม ของ จำนวน ประชา กร
ยิ่ง มี ประชา กร เพิ่ม ขึ้น เท่า ใด
ความ ต้อง การ ใน การ ใช้ ไม้ ก็ เพิ่ม มาก ขึ้น
เช่น ใช้ ไม้ ใน การ ปลูก สร้าง บ้าน เรือนเครื่องมือเครื่องใช้ ใน การ เกษตร กรรมเครื่องเรือน และถ ่านใน การ หุง ต้ม
เป็น ต้น
ตัว
2. การ บุก รุก พื้น ที่ ป่า ไม้ เพื่อ เข้า ครอบ ครอง ที่ ดิน
เมื่อ ประชา กร เพิ่ม สูง ขึ้น ความ ต้อง การ ใช้ ที่ ดิน เพื่อ ปลูก สร้าง ที่ อยู่ อาศัย และ ที่ ดิน ทำ กิน ก็ อยู่ สูง ขึ้น เป็น ผล ผลัก ดัน ให้ ราษฎร เข้า ไป บุก รุก พื้น ที่ ป่า ไม้ แผ้ว ถาง ป่า
หรือ เผา ป่า ทำ ไร่ เลื่อน ลอย นอก จาก นี้ ยัง มี นาย ทุน ที่ ดิน ที่ จ้าง วาน ให้ ราษฎร เข้า ไป ทำลาย ป่า เพื่อ จับ จอง ที่ ดิน ไว้ ขา ยต่อ ไป
เมื่อ
3. การ ส่ง เสริม การ ปลูก พืช หรือ เลี้ยง สัตว์ เศรษฐกิจ เพื่อ การ ส่ง ออก
เช่น มัน สำปะหลัง
ปอ เป็น ต้น
โดย ไม่ ส่ง เสริม การ ใช้ ที่ ดิน อย่าง เต็ม ประสิทธิภาพ ทั้ง
ๆ ที่ พื้น ที่ ป่า บาง แห่งไม่ เหมาะ สม ที่ จะ นำ มา ใช้ ใน การ เกษตร
เช่น
4. การ กำหนด แนว เขต พื้น ที่ ป่า กระ ทำ ไม่ ชัด เจน หรือ ไม่ กระ ทำ เลย ใน หลาย
ๆ พื้น ที่
ทำ ให้ ราษฎร เกิด ความ สับ สน ทั้ง โดย เจตนา และ ไม่ เจตนา ทำ ให้ เกิด การ พิพาท ใน เรื่อง ที่ ดิน ทำ กิน และ ที่ ดิน ป่า ไม้ อยู่ ตลอด เวลา และ มัก เกิด การ ร้อง เรียน ต่อ ต้าน ใน เรื่อง กรรม สิทธิ์ ที่ ดิน
ทำ
5. การ จัด สร้าง สาธารณูปโภค ของ รัฐ
เช่น เขื่อน
อ่าง เก็บ น้ำ เส้น ทางคมนาคม
การ สร้าง เขื่อน ขวาง ลำ น้ำ จะ ทำ ให้ พื้น ที่ เก็บ น้ำ หน้า เขื่อน ที่ อุดม สมบูรณ์ ถูก ตัด โค่น มา ใช้ ประ โยชน์
ส่วน ต้น ไม้ ขนาด เล็ก หรือ ที่ ทำ การ ย้าย ออก มา ไม่ ทัน จะ ถูก น้ำ ท่วม ยืน ต้น ตาย
เช่น การ สร้าง เขื่อน รัชชประภา เพื่อ กั้น คลอง พระ แสง อัน เป็น สาขา ของ แม่ น้ำ พุ มด วง -ตา ปี ทำ ให้ น้ำ ท่วม บริเวณ ป่า ดง ดิบ ซึ่ง มี พันธุ์ ไม้ หนา แน่น ประกอบ ด้วย สัตว์ นานา ชนิด นับ แสน ไร่
ต่อ มา จึง เกิด ปัญหา น้ำ เน่า ไหล ลง ลำ น้ำ พุ มด วง
เช่น
6. ไฟ ไหม้ ป่า
มัก จะ เกิด ขึ้น ใน ช่วง ฤดู แล้ง ซึ่ง อากาศ แห้ง และ ร้อน จัด ทั้ง โดย ธรรม ชาติ และ จาก การก ระ ทำ ของ มะม่วง ที่ อาจ ลัก ลอบ เผา ป่า หรือ เผลอ
จุด ไฟ ทิ้ง ไว้ โดย เฉพาะ ใน ป่า ไม้ เป็น จำนวน มาก
มัก
7. การ ทำ เหมือง แร่
แหล่ง แร่ ที่ พบ ใน บริเวณ ที่ มี ป่า ไม้ ปก คลุม อยู่
มี ความ จำ เป็น ที่ จะ ต้อง เปิด หน้า ดิน ก่อน จึง ทำ ให้ ป่า ไม้ ที่ ขึ้น ปก คลุม ถูก ทำลาย ลง เส้น ทางขน ย้าย แร่ ใน บาง ครั้ง ต้อง ทำลาย ป่า ไม้ ลง เป็น จำนวน มาก เพื่อ สร้าง
ถนน หน ทาง การ ระเบิด หน้า ดิน
เพื่อ ให้ ได้ มา ซึ่ง แร่ ธาตุ
ส่ง ผล ถึง การ ทำลาย ป่า
แหล่ง
การ อนุรักษ์ ป่า ไม้
1. นโยบาย
2. นโยบาย
3. นโยบาย
4. นโยบาย
5. นโยบาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น